รายได้และกำไร BIG 4 ประเทศไทย

[รายได้และกำไร BIG 4 ประเทศไทย]

*** เฉพาะบริษัทที่ใช้รับงานสอบบัญชีกับบริษัทภายนอกเท่านั้น อาจมีบริษัทอื่นๆภายใต้ Brand Big 4 ประเทศไทยมากกว่านี้ เช่น บ.สำหรับงานที่ปรึกษา เป็นต้น ***

มา Update รายได้และกำไร BIG 4 ประเทศไทย สำหรับปี 2563 ที่ผ่านมากันครับ … บอกได้เลยว่า “อะไรที่ไม่เคยเห็น…ก็จะได้เห็น” ในช่วงปี 2563 ที่เราๆ ท่านๆ ได้ฟันฝ่าช่วง COVID-19 กันมาครับ

.
ภาพรวมรายได้
.

📌 รายได้รวม BIG 4 ในประเทศไทย ปี 2563 อยู่ที่ 8,079 ล้านบาท หากเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 90 ล้านบาท หรือ 1% เท่านั้น
📌 อัตราการเติบโตของรายได้ของ BIG 4 ในปี 2563 ถือว่า “ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์” ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างน้อย … เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ รายได้รวมของ BIG 4 โดยปกติจะเติบโตในช่วง 500 – 700 ล้านบาท YoY (หรือ 7% ถึง 12% YoY) มาโดยตลอด
📌 บริษัทที่มีรายได้สูงสุดในปี 2563 คือ PwC อยู่ที่ 2,474 ล้านบาท และเบียดมาติดๆ อย่าง EY ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,252 ล้านบาท
📌 มี 2 บริษัทที่มี “รายได้ลดลง” ในปี 2563 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “การลดลงครั้งแรก” ในรอบอย่างน้อย 8 ปี ได้แก่
📍 PwC ลดลง จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 2,497 ล้านบาท ลงมาอยู่ที่ 2,474 ล้านบาท ในปี 2563
📍 KPMG ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 2,054 ล้านบาท ลงมาอยู่ที่ 2,020 ล้านบาท ในปี 2563
📌 อย่างไรก็ดีอีก 2 บริษัทที่เหลืออย่าง EY และ Deloitte ยังคงมี “รายที่เพิ่มขึ้น” ในปี 2563
📍 EY เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 2,179 ล้านบาท ขึ้นมาอยู่ที่ 2,252 ล้านบาท ในปี 2563
📍 Deloitte เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 1,259 ล้านบาท ขึ้นมาอยู่ที่ 1,333 ล้านบาท ในปี 2563
.

ภาพรวมกำไร
.

📌 กำไรสุทธิรวมของ BIG 4 ในประเทศไทย ปี 2563 อยู่ที่ 652 ล้านบาท หากเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 842 ล้านบาท … ลดลง 190 ล้านบาท หรือลดลงราว 23% เรียกได้ว่า “เป็นอัตราการลดลงที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์” ในช่วงอย่างน้อย 7 ปีที่ผ่านมา !!!
📌 ทั้ง PwC EY และ KPMG มีกำไรสุทธิในปี 2563 ที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562
📌 PwC และ KPMG มี Trend ของกำไรสุทธิที่ลดลงมาโดยตลอด…นับตั้งแต่ปี 2561 สำหรับ PwC และตั้งแต่ปี 2562 สำหรับ KPMG
📌 บริษัทที่มีกำไรสูงสุดในปี 2563 คือ KPMG อยู่ที่ 267 ล้านบาท
📌 บริษัทที่มี Net Profit Margin (NPM) สูงที่สุด ในปี 2563 คือ KPMG ที่ 13.21% (และสูงสุดตั้งแต่ปี 2560 แล้ว) และในปีนี้ถือเป็น Firm เดียวที่มี NPM เป็น Double Digits ในขณะที่ Firm อื่นๆ เหลือ NPM เป็น Single Digit
📌 ในขณะที่ Deloitte ยังคงรายงานผลประกอบการเป็นขาดทุนในปี 2563 แต่ก็ถือเป็นการขาดทุนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งรายได้ก็เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด
.

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าปี 2563 เป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่บริษัทสอบบัญชีขนาดใหญ่อย่าง BIG 4
.

และเหตุผลที่รายได้ไม่โตอย่างในอดีต และกำไรที่ลดลง คงหนีไม้พ้นสาเหตุหลักๆ จาก COVID-19 ที่อาจส่งผลต่อการขึ้นราคาค่าสอบบัญชีที่ทำได้ยากขึ้น ลูกค้าบางรายขอลดค่าสอบบัญชี หรือร้ายไปกว่านั้น ก็คงเป็นเหตุการณ์ “Job หลุด” ที่ลูกค้าหันไปใช้ Audit อื่นที่เป็น Non-Big 4
.

ด้านค่าใช้จ่ายก็อาจมี Operating Cost ต่างๆ ที่สูงขึ้นกว่าเดิมในภาวะ COVID-19 เช่นนี้
.

นอกจากนี้ก็อาจเป็นไปได้ว่างานให้คำปรึกษาหรืองานอื่นๆ อาจจะน้อยลงหรือไม่ได้พุ่งสูงขึ้นมากอย่างในอดีต เพราะกลุ่มมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ๆ (และยากๆ) เช่น TFRS 9 / TFRS 15 / TFRS 16 บริษัทต่างๆ ก็ได้เตรียมความพร้อมและใช้งานกันไปเรียบร้อยแล้วในช่วงปี 2562 – ต้นปี 2563 แล้วนั่นเอง
.

และแม้ว่าในปี 2563 กลุ่ม BIG 4 ได้จะ Port ลูกค้ารัฐวิสาหกิจที่เป็นลูกค้าเดิมของ สตง. ไปหลายรายก็ตามที แต่ดูภาพผลประกอบการแล้ว ก็ยังไม่น่าจะช่วยอะไรได้มากมายนักในช่วง COVID-19 เช่นนี้
.

(และก็คงมีอีกหลายเหตุผลที่แอดไม่ได้กล่าวไว้ในที่นี้)
.

ก็ได้แต่หวังและเป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านที่อยู่ในวิชาชีพ ไม่ว่าจะทำงานใน BIG 4 หรือไม่ก็ตาม ให้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 นี้ สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในเร็ววันครับ

มิถุนายน 7, 2021
© 2022 Accounting-Analysis.com All rights reserved.
0
    0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่าย้อนกลับ